“โอ๊ต” เด็กหนุ่มที่มีแม่เป็นคุณครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ คุณแม่จึงให้โจทย์เลขมาทำเรื่อยๆ เพื่อให้สอบได้คะแนนดีๆ ตอนนั้นโอ๊ตก็พยายามตั้งใจเรียน เพราะคาดหวังจะได้รางวัลจากแม่ แต่ทุกครั้งแม่ก็ไม่เคยให้อย่างที่แม่สัญญาไว้ โอ๊ตจึงตั้งปฎิญาณว่า “ต่อไปนี้ชีวิตจะเป็นของฉัน ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะเป็นอิสระ” โอ๊ตจึงเริ่มเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆ กินเหล้า จนติด 0 ทั้งหมด 20 กว่าตัว และไม่สามารถเรียนต่อมหาลัยได้ ตอนนั้นแม่ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้คุณครูให้โอกาสกับผมที่จะเรียนจบมัธยมปลาย คุณครูก็บ่นค่อนข้างเยอะเพราะว่าผมไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่แม่ก็ต้องแบกหน้าไปหาคุณครูแต่ละท่านเพื่อผม ..ตอนนั้นผมได้ยินเสียงมากมาย “ใครมีลูกแบบนี้ ต้องได้แต่ขายขี้หน้า” “คบกับผู้ชายแบบนี้ มีแต่เสียอนาคต” ความคิดมากมายเข้ามาเต็มหัวจนผมรู้สึกไร้ค่า และไร้จุดหมาย ..

แต่ผมที่ไร้จุดหมายได้รู้จักกับโครงการอาสาสมัคร Good News Corps ผ่านทางพี่สาวและได้ไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งๆที่พูดญี่ปุ่นก็ไม่ได้ เมื่ออยู่ที่นั่นก็ได้ไปอยู่ที่จังหวัดฮิเมจิ ซึ่งที่นั่นศูนย์ค่อนข้างเล็ก และได้ข่าวว่าอาจารย์ที่นั่นดุมากๆ ตอนนั้นผมรู้สึกช็อค แต่ก็ตัดสินใจไปอยู่ที่นั่น ..เมื่อไปถึงผมต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นหนักมาก ซึ่งทำให้ผมได้คิดถึงคุณแม่ที่เขี้ยวเค็ญกับการเรียนของผมเช่นกัน ในใจคิดว่า “ทำไมชีวิตของผม ถึงมีแต่คนบังคับ” ผมจึงแอบใช้ชีวิตที่ผมคิดว่ามีความสุข ผมแอบเก็บบุหรี่ การ์ตูนไว้ในกระเป๋า จนกระทั่งวันนึงอาจารย์จับได้ แต่ผมก็ยังไม่หยุดที่ใช้ชีวิตตามแบบที่ผมอยากจะทำ

ผมไปที่ร้านค้าและอยากจะกินช็อคโกแลต ชีวิตอาสาสมัครตอนนั้นไม่ให้พกเงิน ผมจึงตัดสินใจขโมยแต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นคือ “ผมถูกตำรวจจับ” และถูกนำตัวกลับไปที่ศูนย์ IYF ..อาจารย์ได้แต่ต้องขอโทษกับตำรวจและเจ้าของร้าน ขอโอกาสให้กับผมและรับผิดชอบความผิดทั้งหมดแทนผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นลูกของอาจารย์ด้วยซ้ำ

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น อาจารย์ก็เรียกผมไปคุย “โอ๊ตรู้มั้ย ตอนนี้เธอแยกแยะความคิดอะไรไม่ได้เลยนะ ตอนที่เธออยากสูบบุหรี่ เธอก็สูบ ตอนที่เธออยากกิน เธอก็แค่ขโมย ถ้าฉันให้ก้อนหินกับเธอ เธอจะกินมั้ย เธอคงตอบได้ว่าไม่กิน แต่ตอนนี้เธอกินความคิดที่เข้ามาหาเธอ ถ้าเธอยังเชื่อความคิดของเธอเรื่อยๆ สุดท้ายชีวิตของเธอจะพบแต่ความทุกข์นะ” ตอนนั้นผมเริ่มเห็นชีวิตของผม ผมเคยคิดว่า “ความสุขขึ้นอยู่กับผม แต่สิ่งที่ผมคิด เกือบทำให้ผมต้องติดคุก” ตอนนั้นผมเริ่มเห็นว่าความคิดของผมผิด และฟังเสียงของคนอื่นมากขึ้น เมื่อผมรู้ว่า “ผมไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ผมจึงเริ่มให้คำตักเตือนของคนอื่นเข้ามาช่วยหักห้ามจิตใจของผม ผมจึงสามารถใช้ชีวิตที่เป็นปกติได้”

และผมเริ่มเห็นจิตใจของคุณแม่ที่ทำอย่างเพื่อให้ผมได้พบกับชีวิตที่ดี แต่เพราะผมเองไม่รับจึงไม่สามารถสัมผัสความรักของคุณแม่ได้ .. อาจารย์บอกว่า “ตอนที่ผมอยู่ที่นั้น อาจารย์กลัวผมมาก เพราะผมชอบแอบพกมีด ต้องล็อคประตูห้องตลอดเลย” ตอนนี้กลับมาแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงของผม อาจารย์ก็รู้สึกดีใจกับผมและครอบครัวมากๆ การใช้ชีวิตเป็นอาสาสมัครที่ญี่ปุ่น 1 ปี นอกจากภาษาและการทำกิจกรรมกับผู้อื่นแล้ว ผมได้พบอิสระที่แท้จริงของจิตใจเป็นของขวัญอีกด้วยครับ