แพทย์หญิงพัคโซยอง เจ้าของรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ ครั้งที่ 13
สาขาการทำประโยชน์เพื่อสังคม

ในทวีปแอฟริกาดินแดนลี้ลับที่ต้องนั่งเครื่องบินกว่า 24 ชั่วโมง ยังมีแพทย์คนหนึ่งออกเดินทางไปเป็นแพทย์อาสาที่นั่น เธอสละเวลาที่แสนยุ่งวุ่นวายจากการดูแลคนไข้ ออกเดินทางไปยังแอฟริกา และอยู่ที่นั่นอย่างสั้นสุด 1 สัปดาห์ ยาวสุด 10 วัน แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ เหล่านั้นกลับทำให้เธอมีความสุขมากที่สุด เธอใช้ชีวิตเดินทางไปกลับแอฟริกาเป็นประจำเป็นเวลา 10 ปี แม้จะสอบผ่านได้เข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ แต่แอฟริกาเป็นส่วนสำคัญให้เธอมีความฝันที่อยากเป็นแพทย์ที่ดีของผู้ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย และเป็นหนทางสู่การค้นหาคุณค่าแห่งชีวิต

และนั่นเป็นเรื่องราวของแพทย์หญิงพัคโซยอง แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลยังจี ที่ได้รับเลือกเป็นผู้ได้รับรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ครั้งที่ 13 สาขาการทำประโยชน์เพื่อสังคมเมื่อปี 2013 โดยมีหนังสือพิมพ์ชองนยอนอึยซา และองค์กรจริยธรรมแพทย์แห่งเกาหลีร่วมมือกันจัดงาน และมีสมาคมวิทยาลัยการแพทย์แห่งเกาหลีให้การสนับสนุน

เมื่อ 2 ปีก่อน ณ งานประกาศรางวัล ซึ่งในขณะนั้นแพทย์หญิงพัคกำลังเรียนต่อเฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่โรงพยาบาลซออุลอาซาน ความในใจที่เธอกล่าวตอนรับรางวัลเรียกเสียงปรบมือได้อย่างกึกก้อง นั่นเป็นเพราะเธอประกาศว่าจะใช้เงินรางวัล 10 ล้านวอนกับกิจกรรมแพทย์อาสาในต่างประเทศ  เรียกได้ว่าเธอเป็นผู้ได้รางวัลที่ทำให้ความหมายของรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่เกิดเป็นรูปธรรม โดยการรับเอาปณิธานของ ดร.ชไวท์เซอร์ ในการเป็นผู้รักษาและผู้วิจัยที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และแอฟริกาเป็นจุดเปลี่ยนให้แพทย์หญิงพัคโซยอง ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่คนนี้ ใช้ชีวิตเพื่อตามหา ‘ความสุขที่แท้จริง’

จากเด็กที่ถูกแช่งสาปกลายเป็นเด็กแห่งความโชคดี

จึงเกิดคำถามต่อมา เมื่อแพทย์หญิงพัคโซยองประกาศว่าจะใช้เงินรางวัล 10 ล้านวอนกับกิจกรรมแพทย์อาสาในต่างประเทศ แล้วเธอได้ทำตามนั้นจริง ๆ หรือเปล่า เธอจึงเล่าเรื่องราวที่เธอได้พบกับเด็ก 1 ขวบที่นิ้วติดเป็นพังพืดในระหว่างออกหน่วยแพทย์อาสาที่ประเทศเคนยา เมื่อครั้งที่เพิ่งได้รับรางวัล MSD  ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่

ฉันได้เจอกับเด็ก 1 ขวบ ชื่อ เควิน ที่มีนิ้วเป็นพังพืดแต่กำเนิด แม่ของเขาต้องหาเลี้ยงครอบครัวแทนพ่อที่พิการ ในสถานการณ์แบบนั้นเขาคงฝันที่จะผ่าตัดไม่ได้ จริงไหมคะ ฉันเลยรู้สึกอยากช่วยเควินขึ้นมา จึงประกาศเรื่องของเขาไปทางโซเชียลมีเดีย มีผู้คนมากมายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีคนเสนอให้ยืมร้านอาหารหนึ่งวันเพื่อเปิดคอนเสิร์ตสมทบทุนอีกด้วย ตอนนั้นเราจึงได้รวบรวมเงินกำไรและเงินรางวัลเพื่อนำมาช่วยเควินค่ะ

ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยตั้งร้านค้าเล็ก ๆ เพื่อให้ครอบครัวที่ยากลำบากนี้ได้พอมีเงินเลี้ยงชีพ การช่วยครั้งนี้แทนที่จะช่วยด้วยเงินเพียงผิวเผิน แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมให้ครอบครัวนี้ลืมตาอ้าปากด้วยตัวเองได้  เพราะคิดว่านี่เป็นวิธีที่สามารถช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากความยากจนและโรคร้ายได้อย่างแท้จริง และจากที่เควินเคยเป็น “เด็กที่ถูกแช่งสาป” ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น “เด็กแห่งความโชคดี” เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวอีกด้วย

คนที่แอฟริกาจะคิดว่าเด็กที่เกิดมาพิการเป็นเด็กที่ถูกสาปแช่ง และทำให้ครอบครัวที่มีเด็กพิการก็จะถูกตราหน้าว่าถูกสาปแช่งไปด้วยค่ะ  แม้จะเป็นเพียงร้านค้าเล็ก ๆ แต่ได้สร้างความยินดีให้กับครอบครัวหนึ่ง และยังได้เปลี่ยนความคิดของคนในหมู่บ้านที่มีต่อเควิน จากเด็กที่ถูกแช่งสาปกลายเป็นเด็กแห่งความโชคดี เห็นแบบนี้ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ

หญิงสาวที่รักชื่อแปลก ๆ ของแอฟริกา

พื้นที่ที่แพทย์หญิงพัคไปออกหน่วยแพทย์อาสาคือพื้นที่ห่างไกลในแอฟริกา ประชากรของ “เบนิน (Benin)” และ “เลโซโท (Lesotho)” ประเทศที่มีชื่อแปลก ๆ ในทวีปแอฟริกาส่วนใหญ่ต้องเสียชีวิตไปทั้งที่ในชีวิตยังไม่เคยได้เจอหมอสักครั้ง ในประเทศที่ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีหรือกระทั่งสวัสดิการรักษาพยาบาล ความหวังของพวกเขาคือการได้เจอหมอจริง ๆ สักครั้งในชีวิต ดังนั้นแพทย์หญิงพัคจึงคิดว่าความสุขของฉัน ความสุขของครอบครัวสำคัญก็จริง แต่ถ้าคนอีกมากมายไม่ต้องเจ็บป่วยและได้อยู่อย่างมีความสุขจะดีมากแค่ไหน ความคิดนี้จึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์หญิงพัคออกเดินทางไปยังแอฟริกาเสมอ

ผู้คนมักจะใช้ชีวิตซ้ำเดิมทุกวันด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างค่ะ งานทุกงานเป็นงานที่มีค่า แต่ฉันคิดว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนั้นอย่างเดียวคงน่าเบื่อน่าดู ฉันเลยเชื่อว่าถ้าหางานที่มีค่ามากกว่านี้พบก็จะทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้นไปด้วย ฉันจึงรู้สึกว่าชีวิตที่ได้มีความสุขกับผู้คนในแอฟริกามีคุณค่ามากกว่าที่ฉันได้ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง

อันที่จริงยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้แพทย์หญิงพัคหลงใหลในแอฟริกา คือความรักที่คนแอฟริกายื่นให้อย่างไร้เงื่อนไข “มีครั้งหนึ่งที่ไปออกหน่วยที่ชุมชนยากจนของประเทศเคนยา ถึงแม้ว่าทั้งครอบครัวจะอยู่รวมกันในกระต๊อบเล็ก ๆ หลังหนึ่ง แต่พวกเขารู้สึกขอบคุณกับหน่วยแพทย์จึงซื้อโค้กมาให้ ใจที่อบอุ่นของพวกเขาทำให้ฉันได้แต่ก้าวไปหาแอฟริกาเสมอ

ถ้าเขาให้โค้กกับเรา แปลว่าทั้งครอบครัวต้องอดข้าวกันหลายวัน สภาพการเป็นอยู่ของพวกเขายากลำบากมากค่ะ แต่เขายังต้อนรับเราด้วยโค้กเพื่อแสดงความขอบคุณที่พวกเราเดินทางไกลมาเพื่อพวกเขา และมาอยู่รวมกับพวกเขา แม้รูปร่างหน้าตาผิวพรรณจะแตกต่างกัน แต่จิตใจของมนุษย์อบอุ่นไม่ต่างกันเลยค่ะ รสชาติของโค้กที่ได้ดื่มวันนั้น จนถึงวันนี้ฉันยังไม่ลืม ชีวิตที่ได้แบ่งปันเป็นชีวิตที่มีคุณค่าและความสุขที่แท้จริง เหตุผลที่ฉันไปแอฟริกาอยู่เสมอคงเป็นเพราะฉันต้องการไปหาความสุขค่ะ

กุญแจนำทางไปสู่ชีวิตที่มีคุณค่า

บางครั้งแพทย์หญิงพัคต้องกำหนดตารางตรวจไว้แน่นจนไม่มีวันหยุด เพื่อให้มีเวลาไปแอฟริกา ซึ่งทุกครั้งเธอทำหน้าที่เป็นกุญแจนำทางของรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ด้วยดีเสมอมา แต่เธอยังคิดเสมอว่ารางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่นั้น ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอควรได้รับ

จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกว่าการได้มีชื่ออยู่ในรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะได้รับค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่สามารถใช้ชีวิตทุ่มเทอย่าง ดร.ชไวท์เซอร์ ได้เลย แต่ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงยืนอยู่บนเส้นทางนี้ ฉันเดินมาถูกทางหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าหน้าที่คอยย้ำเตือนฉัน  และคอยดึงฉันให้เดินไปสู่ชีวิตที่มีคุณค่าเสมอค่ะ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2016 แพทย์หญิงพัคได้เดินทางไปที่สาธารณรัฐเลโซโท ที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เป็นการเดินทางสู่แอฟริกาครั้งที่ 5 หลังจากได้รับรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ โดยครั้งนี้ไปได้โดยได้รับเชิญจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐเลโซโท ที่มีโอกาสได้พบกันโดยบังเอิญในที่ประชุมระดับโลกว่าด้วยการศึกษา ณ เมืองอินชอน

เรื่องใหม่ ๆ ที่น่าอัศจรรย์ใจมักเกิดจากโชคชะตาเล็ก ๆ เสมอค่ะ เหมือนกับตอนที่ฉันเป็นนักศึกษาแพทย์และใช้ชีวิตโดยไร้เป้าหมาย โชคชะตาเล็ก ๆ นำพาให้ฉันได้เจอกับ ‘ดูดู’ และเปลี่ยนชีวิตฉันไปอย่างสิ้นเชิง ฉันจึงคิดว่าโชคชะตาเล็กน้อยมีค่าเสมอ เพราะฉันได้ประสบกับตัวเองว่าฉันได้เริ่มทำงานที่มีคุณค่าโดยเริ่มจากสิ่งเหล่านั้น ครั้งนี้ฉันเองก็อดหวังไม่ได้ว่าจะได้เจอกับใครที่สาธารณรัฐเลโซโทค่ะ

แพทย์หญิงพัคยังฝากบอกสิ่งเหล่านี้ ให้นักศึกษาแพทย์ที่ฝันอยากเป็นชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ในอนาคตและรุ่นน้องร่วมสถาบันอีกด้วย

ฉันเคยไปบรรยายให้นักศึกษาฟังครั้งหนึ่ง ตอนนั้นพิธีกรเห็นว่าฉันได้รางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ เลยพูดแนะนำตัวฉันซะใหญ่โต จำได้ว่าตอนนั้นฉันอายมากหน้าแดงไปหมดเลย เพราะที่ฉันทำไป ฉันทำเพื่อหาความสุขให้ตัวเองต่างหาก แต่ฉันคิดว่าชีวิตที่ออกตามหาความสุขและคุณค่าไปด้วยกันมันเป็นความสวยงามค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่มีความสามารถยิ่งใหญ่ถึงใช้ชีวิตแบบนี้ได้ แต่ฉันกระโดดข้ามข้อกำจัดเลยทำให้ชีวิตมีสีสัน และขอขอบคุณรางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่ที่ทำให้ฉันสามารถบอกกับรุ่นน้องได้ว่า ให้พวกเขาได้ลองทำงานที่มีคุณค่า ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงดูสักครั้ง

เมื่อถามแพทย์หญิงพัคว่า “รางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่” คืออะไร เธอตอบทันทีว่า “เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเธอ” ความหมายของความทุ่มเทที่ ดร.ชไวท์เซอร์ ได้ทำไปยิ่งใหญ่เกินกว่างานที่เธอทำจะเทียบได้ รางวัล MSD ชไวท์เซอร์รุ่นใหม่จึงเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางสำหรับใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และตอนนี้แพทย์หญิงพัคที่รักแอฟริกามากกว่าใครได้ออกเดินทางไปตามหาความสุขที่สาธารณรัฐเลโซโททวีปแอฟริกาอีกครั้ง