IYF จัดกิจกรรม ‘เข้าค่ายได้สุข’ ครั้งที่ 1 ให้น้องๆ ร.ร.พระราชทานบ้านนายาว จ.ฉะเชิงเทรา ปลุกความฝันในตัวเอง สู่อนาคตที่สดใส

 

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่โรงเรียนพระราชทานบ้านนายาว มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship – IYF) ประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมเข้าค่ายได้สุขเพื่อยกระดับจิตใจให้เยาวชนในพื้นที่ มีความเข้าใจจิตใจของตัวเองและผู้อื่น ผ่านการฟังบรรยายเรื่องของจิตใจจากผู้เชี่ยวชาญ และได้มีความหวังและความฝันในการใช้ชีวิตผ่านการทำกิจกรรม ซึ่งจะจัดกิจกรรมเดือนละ 1 ครั้งต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือน โดยในครั้งที่ 1 นี้มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลายเข้าร่วมกว่า 100 คน ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก ...เจริญ บุราณรมย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพระราชทานบ้านนายาว และนายมนตรี แก้ววิจิตร ผู้ช่วยนายสุชาติ ตันเจริญ ..บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มากล่าวเปิดงาน

โดยในช่วงเช้าจะเป็นกิจกรรมให้น้องๆ ได้เริ่มรู้จักตัวเองผ่านกิจกรรม Mindset Academy จากนั้นต่อด้วย การบรรยายเรื่องโลกของจิตใจจากคุณเฉลิมพล ร่มโพธิ์ทอง ผู้อำนวยการ IYF ประจำภาคตะวันออก กล่าวว่า ในใจเราที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลาง มีทั้งความเย่อหยิ่ง การอิจฉาคนอื่น ความเศร้า และความสิ้นหวัง ที่ถือเป็นความคิดด้านลบเปรียบเป็นเหมือนหมาป่าสีดํา ส่วนหมาป่าขาวก็เหมือนความคิดด้านบวก ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุข คำถามคือแล้วเราจะทำให้หมาป่าสีขาวเอาชนะหมาป่าดําที่อยู่ในใจของเราได้อย่างไร

ถ้าดูจากภาพคิดว่าหมาป่า เราอาจจะไม่รู้ว่าหมาป่าสีไหนแข็งแรงกว่า แต่เมื่อเป็นเรื่องของจิตใจ เราสามารถบอกได้ว่า คนที่มีความคิดด้านลบ หมาป่าดําก็จะตัวใหญ่ ทำให้ชีวิตคนนั้นดูมีปัญหา เพราะมักจะโทษตัวเองว่าขี้เกียจ เรียนไม่ได้ และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าคิดอีกรอบว่า ถ้าฉันอยู่คนเดียว ฉันจะจมลงไปกับความคิดด้านลบเรื่อยๆ จึงควรออกมาพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวดีกว่า เพื่อรับความคิดบวกใหม่ๆ ถือเป็นการให้อาหารหมาป่าสีขาว จนหมาป่าสีขาวแข็งแรงกว่าหมาป่าสีดำในที่สุด เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่เจอได้ แต่ถ้าเรารู้วิธีเลี้ยงหมาป่าสีขาวให้แข็งแรง ชีวิตเราก็เปลี่ยนไป

สำหรับช่วงบ่าย เข้าสู่กิจกรรมหลักที่ให้น้องๆ ได้ลองทำแบบทดสอบ Holland Test หรือ การรู้จักบุคลิกภาพ และอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเอง แบ่งเป็น 6 บุคลิกภาพ คือ C : Convention บุคลิกภาพที่ทำตามระเบียบแบบแผน E : Enterprising บุคลิกภาพแบบกล้าคิดกล้าทำ S : Social บุคลิกภาพที่ชอบสมาคมกับบุคคลอื่น A : Artistic บุคลิกภาพแบบมีศิลปะ I : Investigative บุคลิกภาพแบบที่ต้องใช้เชาว์ปัญญา และ R : Realistic บุคลิกภาพแบบจริงจัง ไม่คิดฝัน นิยมความเป็นจริง เมื่อได้รู้บุคลิกภาพของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ต้องแบ่งกับเล่นเกมตามฐานที่เป็นบุคลิกภาพของตัวเอง เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นตัวตน นอกจากนี้ น้องๆ ยังได้แบ่งกลุ่มพูดคุยกับพี่ๆ สต๊าฟเพื่อเรียนรู้เรื่องราวของการมีความฝัน และการวางแผนเส้นทางเดินให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

งานครั้งนี้ถือเป็นค่ายที่เราได้พบกันน้องๆ ที่ภายนอกดูเหมือนเป็นเด็กตามต่างจังหวัดทั่วไป แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสจริงพบว่าเยาวชนเหล่านี้กำลังหมดไฟ และไร้ความฝัน จนไม่อยากไปโรงเรียน ควบคู่กับปัญหาที่รายล้อมพวกเขาอยู่ เช่นยาเสพติด ครอบครัวแตกแยก และความยากจน เป็นต้น การพัฒนาเรื่องสาธารณูปโภคหรือด้านวัตถุที่พวกเขาขาดแคลนก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่อาสาสมัครอย่างเราไม่มีกำลังขนาดจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้ได้ และต่อให้มอบให้ก็ไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่ยั่งยืนที่สุดท่ามกลางปัญหาที่น้องๆ ต้องเผชิญคือ การพัฒนาจิตใจ เราจึงออกแบบกิจกรรมที่ตรงตามความต้องการของโรงเรียน โดยการปลุกไฟ และกระตุ้นให้เกิดความคิดเชิงลึกและให้ความฝันน้องๆ ด้วย Mind Education หรือหลักสูตรโลกของจิตใจที่เรานำมาจากเกาหลีใต้ เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรขึ้นในอนาคต หรือน้องๆต้องเผชิญกับสถานการณ์ใด อย่างน้อยในใจของพวกเขาก็เริ่มมีกำลังที่จะไปต่อซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวัง และจะลงมือทำร่วมกับโรงเรียนอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นต้นแบบของโรงเรียนที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง และเป็นความหวังให้กับโรงเรียนทั่วประเทศไทยที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายกัน

น้องบ๋อมแบ๋ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 โรงเรียนพระราชทานบ้านนายาว กล่าวว่า ตอนเด็กๆ มีความฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน เพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ ทำให้เริ่มฝึกวาดการ์ตูนตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นก็มีคนบอกว่าความฝันอาจจะเป็นแค่ฝัน เราอาจจะไม่ได้ทำงานอย่างที่เราต้องการ ผ่านทางกิจกรรมและการฟังบรรยาในวันนี้ ได้รับความหวังใหม่ จากความฝันที่ลางๆ ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ตอนนี้ตนเชื่อว่าตนทำได้แน่นอน ส่วนช่วงกิจกรรมทตามหาความถนัดของเรา ผลออกมาคือตนก็ถนัดด้านศิลปะ อีกทั้งยังมีพี่ๆ คอยให้คำปรึกษาและซัพพอร์ตเราดีมาก ก่อนหน้าตนเคยให้อาหารหมาป่าสีดำ (เชื่อความคิดที่ความฝันอาจจะไม่เป็นจริง) แต่ตอนนี้คิดว่าจะมาให้อาหารหมาป่าขาวแทน (เชื่อว่าตนทำตามความฝันได้) ตนเชื่อว่าการเปลี่ยนความคิดเป็นแรงผลักดัน เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

นางสาวณัฐริชา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า ก่อนที่ตนจะมาเข้าร่วมกิจกรรมเข้าค่ายได้สุขนั้นมีความฝันอยากจะเป็นพยาบาลซึ่งต้องเรียนสายวิชาวิทย์คณิต แต่ตอนมาสมัครเรียนที่โรงเรียนกลับเลือกเรียนสายวิชาศิลป์ทั่วไป ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนอาชีพในฝันของตนเองมาให้ตรงสายวิชากับที่ตนเองเรียน ซึ่งอาชีพในฝันอีกหนึ่งอย่างที่อยากจะทำนั้นคือพนักงานธนาคาร เป็นอาชีพที่ต้องมีทักษะในการคิดเลขเร็ว คำนวณเก่ง และ รอบคอบ ทำให้ต้องพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้นอกรอบให้มากยิ่งขึ้น สำหรับวันนี้ที่ได้มีโอกาสมาเข้าค่ายได้สุขก็มีโอกาสได้พบกับพี่ๆ จิตอาสาทำให้ได้มีโอกาสค้นหาตนเอง รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้รู้ว่าตนเองนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น ได้เรียนรู้ว่าการคณิตคำนวณเลขไม่ได้ยากเสมอไป สุดท้ายยังได้กล่าวอีกว่าถ้าทุกคนได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมโครงการเข้าค่ายได้สุขทุกคนจะรู้จักตนเองมากยิ่งขึ้นแน่นอน