เมื่อวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์ 2564 ที่มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship: IYF) ศูนย์รังสิต จัดงาน Healing Mind โรคทางใจก็ต้องใช้ใจเยียวยา ครั้งที่ 5 ให้แก่ผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของจิตใจ โดยส่วนหนึ่งเคยเข้าร่วมกับงานเราก่อนหน้านี้ด้วย บรรยากาศงานครั้งนี้ก็ยังคงอยู่ในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 การจัดกิจกรรมของเราได้มีผู้เข้าร่วมมาทั้ง 2 รูปแบบ คือมาที่ศูนย์ฯ และผ่านโปรแกรมซูม (Zoom) มีทั้งน้อง ๆ มัธยม ผู้ใหญ่ รวมถึงผู้สูงอายุด้วย รวมจำนวนผู้เข้าร่วมทั้ง 2 รูปแบบกว่า 100 คน ผู้เข้าร่วมตลอด 2 วัน ตื่นตั้งแต่เช้ามาร่วมกิจกรรม อาจจะเหนื่อยล้า แต่เมื่อได้ฟังการบรรยาย หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จิตใจที่เหนื่อยก็เริ่มเปิด และปัญหาที่มีในจิตใจเองก็ได้รับการแก้ไข โดยก่อนหน้านี้ เราได้จัดไลฟ์ Mind Talk ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Healing Mind ทุกวันอังคาร ในหัวข้อภาวะซึมเศร้า การเข้าสังคม และการถูกบูลลี่ในวัยเรียน เพื่อแนะนำและประชาสัมพันธ์งาน

 Mindset Academy โรคซึมเศร้า 

ช่วงแรกเป็นการแบ่งปันเรื่องราวของพี่ใบปอ ได้เล่าเรื่องชีวิตของตัวเองที่เติบโตในต่างจังหวัด ครอบครัวยากลำบาก คนในหมู่บ้านมักจะบอกเสมอว่า ต้องเรียนเก่งๆ และประสบความสำเร็จชีวิตจึงจะดีขึ้น ทำให้ตัวเองอยากจะเป็นลูกที่ดี จึงตั้งใจเรียนมาก จนได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง และได้รับรางวัลมากมาย แต่เมื่อได้เข้าทำงานก็ไม่ได้สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ จนถูกหัวหน้าตักเตือน และคนอื่นดูหมิ่น ตอนนั้นก็รู้สึกทุกข์ทรมานมาก แต่ไม่อยากถูกทอดทิ้ง เพราะเชื่อในตัวเองว่าตัวเองเก่งมาก และไม่อยากออกจากงานเพราะยังคงอยากจะตกแต่งตัวเองให้สวยงาม ตอนที่ไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ ก็ใช้ชีวิตเหมือนคนบ้า ทั้งทำร้ายตัวเอง และอยากจะฆ่าตัวตาย เพื่อให้พ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ สุดท้ายก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า และโรคไบโพล่า แต่ก็ไปหาหมอไม่ได้ เพราะมีศักดิ์ศรีของคนที่มีรางวัลมากมาย 

ก่อนจะมาพบกับอาจารย์คิมฮักเชิล จนพบว่า ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะตัวเองไร้ค่า แต่เป็นเพราะเชื่อว่าตัวเองมีค่า จนไม่สามารถรับคำตักเตือน และเสียงของคนอื่นได้ ไม่อยากพบกับความผิดหวัง และพยายามปกปิดสิ่งที่ไม่เก่งมากมายเพื่อไม่ให้คนเห็น เหมือนในพระคำ สุภาษิต 16:18 ที่บันทึกไว้ว่า “ความเย่อหยิ่งเดินหน้าการถูกทำลาย และจิตใจที่ยโสนำหน้าการล้ม” เหตุผลจริงๆ มาจากการไม่ยอมรับว่าเราไร้ค่า ไม่ใช่การเป็นโรคซึมเศร้าหรือไบโพล่าตามทฤษฎีที่เรารู้ๆ กัน สิ่งสำคัญคือการทิ้งความคิดตัวเอง และไหลเวียนจิตใจผ่านการเปิดเผยจิตใจของตัวเองกับคนรอบข้าง 

นอกจากนี้ในฐานยังได้เล่นเกมกล่องปริศนา ที่แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ทีม คือ ทีม A และทีม B ให้ทายสิ่งที่อยู่ในกล่อง ตามคำใบ้ที่พิธีกร บอกรายละเอียดที่สื่อถึงสิ่งนั้นทีละอย่าง เช่น เป็นอาหาร ละลายน้ำได้ มีกลิ่น ใช้ตอนมีอาการเจ็บคอ คำตอบคือ ยาอม ทีมไหนยกมือและตอบถูกก่อนจะได้รับคะแนนไปทันที ทีมไหนได้คะแนนเยอะที่สุดก็ชนะไป สาระเรื่องจิตใจ คือ หลายครั้งเราคิดว่า เรารู้จักตัวเองดี คิดว่าหากมีบ้านมีรถ มีเงิน จะทำให้เรามีความสุข แต่จริงๆ กลับไม่ใช่ แต่นั่นคือ การไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจของตัวเองอย่างชัดเจน ดังนั้น เพื่อให้หายจากโรคซึมเศร้า เราจึงต้องรู้จักจิตใจของตัวเองอย่างแท้จริง

ช่วง Mind Lecture โดยผู้บรรยาย อาจารย์คิมซินมิน จากสถาบันการศึกษาเรื่องโลกของจิตใจ บรรยายในหัวข้อ ‘มุมมอง’ ผู้บรรยายได้เปิดภาพให้ดู ซึ่งแต่ละคนก็จะเห็นไม่เหมือนกัน เช่น บางคนเห็นเป็นกระต่าย แต่บางคนเห็นเป็นเป็ด คือสิ่งที่เรามองเห็น หรือสายตาของเราเป็นตาที่มองเห็นไม่ชัดเจน 

มนุษย์เปรียบเหมือนผลไม้ ที่มีความแตกต่างหลากหลายรสชาติ บางคนเป็นเหมือนกล้วย ส้ม หรือสตอเบอร์รี่ ที่กินง่าย  แต่บางคนเป็นเหมือนทุเรียน ที่เพียงแค่มองภายนอกไม่น่าเข้าใกล้ หรืออยากจับ ทั้งๆ ที่เขายังไม่ทำอะไรให้เราเลย แต่ผลไม้ทุกชนิดเป็นผลไม้ที่อร่อยทุกย่าง แต่อาจจะไม่ถูกใจเรา คือเราไม่ได้ชอบกินผลไม้ทุกชนิด เพราะขึ้นอยู่กับปากของเรา หรือมุมมองของเราที่ใช้มองคนๆ นั้น

ยกตัวอย่างข่าวดังที่ช้าง 3 ตัว หนีจากสวนสัตว์เข้าไปกินผลไม้ที่ร้านแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ 15.00-18.00 น. จนร้านพังเละเทะ แต่เจ้าของร้านกลับบอกว่าว่า ร้านรุ่งเพราะช้าง และตั้งชื่อว่า บ้านที่มีช้างเข้ามา กลายเป็นข่าวดัง คนจึงมาซื้อของที่ร้านนี้ จนร้านนี้ดังและขายของได้มากมาย หากคิดว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ร้านล้มละลาย สุดท้ายก็ไม่สามารถค้าขายต่อไปได้ แต่เจ้าของร้านคนนี้คิดว่าช้างจะทำให้ร้านของตัวเองดังขึ้น คือเป็นความแตกต่างของคนที่มีมุมมองไม่เหมือนกัน 

ส่วอาจารย์คิมฮยอนซู ประธานมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ บรรยายในหัวข้อ ‘ความทุกข์ในจิตใจมาจากไหน?’ โดยอาจารย์เริ่มต้นว่า อย่างแรกที่เราเข้าใจผิดมาตลอดคือ ‘ชีวิตของฉัน คือของฉัน’ เราจึงต้องมาคิดกันดู ว่า หากชีวิตเป็นของเรา เราจะต้องทำทุกอย่างได้ตามใจ แต่ชีวิตของเราเป็นไปตามที่เราต้องการหรือไม่ หากสิ่งนี้เป็นความจริง เราคงเลือกได้ว่าเราจะเกิดมามีพ่อและแม่แบบไหน ซึ่งก็ไม่มีใครเกิดแบบนี้ แล้วหากเราใช้ชีวิตตามใจตัวเอง อยากนอน และกินตามใจตัวเอง สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาล อย่างที่สองคือ การคิดว่า เราศูนย์กลางของโลก ที่ทำให้เข้าใจผิดเรื่องโลกของจิตใจ คือเชื่อเพียงอย่างเดียวว่าคนอื่นที่ทำไม่ดีกับเราคือคนเลว และคนที่ทำดีกับเราคือคนดี อย่างที่สามคือ การให้คะแนนตัวเองเยอะ ในความคิดเราก็ให้ 200 คะแนน แต่เมื่อคนอื่นให้ 100 คะแนนก็รู้สึกว่าคนนั้นกำลังดูหมิ่นเรา ทั้งที่คะแนนนั้นเป็นคะแนนของเราจริงๆ เป็นการไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นดิน ที่ไม่มีค่า 

พระคัมภีร์บอกไว้ว่า พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ มีร่างกายและจิตใจ โดยสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ หากเรารับจิตใจมาจากพระเจ้าเราก็จะสามารถครองครองจิตใจของตัวเองได้ ทั้งที่ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เชื่อพระเจ้า แต่เกิดปัญหาขึ้นมาเมื่อมีวิญญาณชั่วเข้ามาหลอกมนุษย์ ให้เชื่อในตัวเอง หากเราเชื่อว่า จิตใจเราเป็นตัวล่อลวงจริงๆ ตามพระคำใน เยเรมีห์ 17:9 เราจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด และหายจากโรคซึมเศร้าได้ 

“เราอาจจะคิดว่า ความทุกข์มาจากการสอบตก หรือการเป็นโรคมะเร็ง แต่ในพระคัมภีร์บอกว่า สิ่งเหล่านั้นไม่เป็นปัญหา หากเราเชื่อมต่อกับจิตใจของพระเจ้า ก็จะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ ความเศร้า หรือความทุกข์เข้ามา ก็จะเอาชนะได้ แต่ที่เรามีความทุกข์ นั่นหมายความว่าเราเชื่อในตัวเองอยู่” 

ช่วง Mind on Film ได้รับชมตัวอย่างหนังเรื่องไททานิค เรียนรู้และเข้าใจต้นเหตุที่ทำให้เรือลำนี้ล่ม เหตุผลนั้นคือ จิตใจของกัปตันที่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์การขับเรือของตัวเองกว่า 50 ปี และความโลภที่อยากได้รับการยอมรับที่เดินเรือด้วยเวลาน้อย ก่อนที่ตัวเองจะปลดเกษียณการทำงาน ทั้งที่มีเรือลำอื่นได้ให้สัญญาณเตือนกว่า 21 ครั้งว่ามีภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า แต่เขาก็เร่งเครื่องเดินเรือเต็มที่ ไม่ได้ฟังเสียงเตือนนั้นเลย จนทำให้คนเสียชีวิตกว่า 1,500 คน เป็นการสะท้อนถึงการใช้ชีวิตของเราในหลายครั้งที่อยากจะทะเยอทะยานอยากได้รับการยอมรับ และคำชื่นชมจากคนอื่น โดยไม่รู้ว่าจิตใจนี้กำลังนำไปสู่ความพินาศอย่างไร

ส่วนช่วง Mind Talk ได้พูดคุยประสบการณ์ และรับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ เป็นช่วงเวลาแบ่งปันเรื่องราวจิตใจระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องผ่านทางพระคัมภีร์ไบเบิล ช่วงแรกผู้เข้าร่วมอาจจะยังเงียบๆ ไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ผ่านคำพยานของสต๊าฟที่เปิดเผยจิตใจก่อน ทำให้น้องๆ เองที่ไม่เคยพูดเรื่องราวของจิตใจ ได้พูดหลายอย่างที่เป็นปัญหา และมีความหวังว่าตัวเองจะสามารถได้รับการแก้ไขได้ด้วยเช่นกัน ผ่านทางโปรแกรมนี้ก็ได้รับจิตใจใหม่ภายในค่ายได้มากมาย