งาน Education Leaders Forum ผู้นำทางการศึกษาทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสัมมนาหลักสูตร Mind Education เล็งเห็นความสำคัญเรื่องโลกของจิตใจ พร้อมนำปรับใช้กับเยาวชน ที่จังหวัดหนองคาย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่โรงแรมรอยัลนาคารา จังหวัดหนองคาย มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship – IYF) ได้จัดงานสัมมนา Education Leaders Forum ครั้งที่ 3 เพื่อแนะนำหลักสูตร Mind Education หรือหลักสูตรการศึกษาเรื่องโลกของจิตใจจากสาธารณรัฐเกาหลี ให้กับผู้นำทางการศึกษาจากหลายภาคส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 220 คน อาทิ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, ดร.จรินทร์ สุรเสรีวงษ์ ศึกษาธิการจังหวัดหนองคาย, นายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองคา, น.ส.สมพรทิพย์ สุขวโรดม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย, นายไพโรจน์ โสภาพร พัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย และนายวรายุทธ ชาเรืองเดช รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาหนองคาย เพื่อนำหลักสูตรไปปรับใช้กับเยาวชนที่แต่ละหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ

การแนะนำหลักสูตร เริ่มต้นด้วยการเปิดวิดีทัศน์ที่เกี่ยวกับ Mind Education จากนั้นเป็นช่วงการแบ่งปันประสบการณ์ตรงจาก น.ส.สุนันทา แพ่งผล หรือคุณครูพลอย ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้เรื่องโลกของจิตใจ กล่าวว่า ดิฉันเป็นคุณครูที่ต้องรับผิดชอบดูแลนักเรียน แต่ตอนที่ตัวเองทำงาน กลับพบความหนักใจ ทำให้เกิดอาการแพนิค และกลายเป็นซึมเศร้า เมื่อเห็นตัวเองที่เป็นแบบนี้ จึงคิดว่าจะทำหน้าที่ครู เพื่อจะดูแลนักเรียนได้อย่างไร ทั้งที่ตอนที่จะมาเป็นคุณครูก็ตั้งใจจะทำหน้าที่ให้ดี แต่เมื่อถึงขีดจำกัดของตัวเองก็ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข จนได้รู้ว่าสิ่งสำคัญคือการรู้จักโลกของจิตใจ เพราะเมื่อตัวเองมีความสุขก็จะสามารถส่งความสุขและความหวังต่อไปถึงนักเรียนได้ 

ด้าน นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวเปิดงานว่า ปัจจุบันสังคมมนุษย์มีความเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ความพร้อมของเทคโนโลยีและทรัพยากรรอบตัว สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้คนอย่างคาดไม่ถึง ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ทั้งในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา ในขณะเดียวกันย่อมเกิดผลกระทบด้านลบ โดยเด็กและเยาวชน บางกลุ่มอาจเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านั้นในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลและทรัพยากรที่เป็นภัยต่อตัวเองและสังคม เช่น ยาเสพติด ข้อมูลที่กระทบต่อจิตใจอย่าง ร้ายแรง เกมส์ออนไลน์ อาวุธ สิ่งผิดกฎหมาย และสื่อลามกอนาจาร เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการกลั่นกรอง วิเคราะห์ และสร้างเกราะคุ้มกันที่แข็งแกร่งทั้งจากคนรอบข้าง และตัวของเด็กเอง แน่นอนว่าเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดคือจิตใจของเด็ก ที่ต้องควบคู่กับการเรียนรู้สังคมและโลกภายนอกอย่างเท่าทัน มีทัศนคติที่ดี มีความ มุ่งมั่นและไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยุที่มีโอกาสเข้ามาพร้อมกับช่องทางการสื่อสารต่างๆ ได้ โดยง่าย และอาจจะต้องให้บุคคล หรือหน่วยงานที่มีความรู้และประสบการณ์ มาช่วยแนะ หลักคิด ให้รู้จักจิตใจของตัวเอง ซึ่งต้องเป็นแนวทางที่เป็นสากลคือคนส่วนใหญ่ให้การ ยอมรับ จนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในสังคมส่วนรวม

“เมื่อปลายปี 2565 ผมได้เข้าร่วมงาน World Camp ซึ่งผมคิดว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก ในวันนี้จึงรู้สึกขอบคุณมูลนิธิฯ ที่ให้เกียรติมาจัดงานนี้ให้กับคนจ.หนองคาย และอยากจะฝากถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย (อบจ.หนองคาย) ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับมูลนิธิฯ ทำงานร่วมกันต่อไป เมื่อผมได้ฟังเรื่องราวชีวิตของคุณครูพลอย ก็พบว่าสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงและจะเป็นประโยชน์มากกับชีวิตของทุกคน”

ขณะที่ ดร.ฮี จิน พาร์ค ผู้บรรยายหลักสูตรจากสาธารณรัฐเกาหลี ได้กล่าวถึงคำพูดเชิงบวก ว่า คำพูดเชิงบวกคือคำที่ให้ชีวิต เพราะคำพูดที่เราคิดว่าถูกต้องในบางครั้ง อาจจะทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดได้ สิ่งสำคัญคือการให้ใจกับเด็ก ซึ่งจะถูกส่งกลับคืนไปที่แม่และคุณครู เมื่อจิตใจได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ต่อให้ยากจนและยากลำบาก ก็จะผ่านสถานการณ์นั้นไปพร้อมกันได้ ดังนั้นคำพูดที่ให้ชีวิตนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ จากงานวิจัยของญี่ปุ่นที่เปรียบเทียบคำพูดเชิงบวกและคำพูดเชิงลบ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คำพูดทั้งสองแบบ ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยากับน้ำต่างกัน เหมือนกับความเครียดก่อให้เกิดมะเร็ง เพราะในร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำกว่า 70% เมื่อความเครียดเข้ามา จะทำลายน้ำในร่างกายของเรา และทำให้ร่างกายเจ็บป่วย เมื่อเราแบ่งปันจิตใจและความรัก ก็จะก่อให้เกิดความพิเศษในชีวิต เรื่องของจิตใจเป็นสิ่งจำเป็น ผมจึงขอแนะนำกิจกรรม 333 คือการพูดที่ดี 3 อย่าง ให้กับ 3 คน วันละ 3 เวลา เพื่อเชื่อมจิตใจและพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวเรากับคนรอบข้าง และส่งผ่านความคิดเชิงบวกระหว่างกัน 

ในช่วงท้ายของงานผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานกับเยาวชน และให้ความสนใจที่จะให้หน่วยงานของตัวเองทำกิจกรรมร่วมกับมูลนิธิฯ และโรงเรียน Lincoln Middle & High School สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อศึกษาหลักสูตรเพิ่มเติมและนำไปประยุกต์ใช้สำหรับการพัฒนา Soft Skills ให้กับเยาวชน เพราะระบบการศึกษาที่ดี ไม่ใช่แค่จะสอนให้คนเก่ง แต่จะต้องสอนให้ผู้เรียนรู้จักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้ได้ด้วย

นายสามิตร์ เครือคำ

ผู้อำนวยการกลุ่มงามสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย

ตัดสินใจเข้าร่วมงานครั้งนี้เพราะว่าเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ และเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เริ่มฟังตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ผมประทับใจวิทยากรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Three Time, Three People and Three Words ผมเล็งเห็นว่าเป็นแนวคิดที่ดีหากเรานำไปใช่ในสำนักงาน หน่วยงายหรือองค์กร ผมว่ามันเป็นการเปิดใจในเชิงบวก อย่างเมืองไทยก็เป็นสยามเมืองยิ้มอยู่แล้ว ผมว่าเป็นประสบการณ์ที่เราได้ฟังและผมก็ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เป็นสิ่งที่ใหม่ เปิดโลกทัศน์ หรือเปิดเรื่องของใจให้มันบวกขึ้น หลังจากที่ผมเข้าร่วมมาทั้ง 4 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้สามารถไปปรับใช้ในองค์กรหรือหน่วยงานได้ ถ้าไม่ทั้งหมดก็อาจจะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่ง ผมเชื่อว่าจะทำให้องค์กรมีแนวคิดในเชิงบวกมากยิ่งขึ้น ถ้าเราคิดบวกได้มากขึ้น เราสามารถทำงานให้ประสบผลสำหรับในภาพรวมขององค์กรได้มากขึ้นด้วย ผมรู้สึกชื่นชมจริงๆ ครับ ขอบคุณมากครับ

นางวิภาพรรณ ดอนจันทร์โคตร

ผอ.กลุ่มนิเทศ สพม. หนองคาย

แรงบันดาลใจที่เข้ามาร่วมงานนี้ เพราะว่าเป็นหน่วยงานหลัก ที่จะต้องดูแลในโรงเรียนมัธยมทั้งหมด 31 โรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งจะเกี่ยวข้องกับนักเรียนที่มีปัญหา จึงอยากเข้ามาจะนำความรู้ไปปรับใช้ในหน่วยงาน ประเด็นที่ 2 ตอนที่ฟังบรรยายเป็นเรื่องของการใช้ใจเรื่องของการปรับเปลี่ยน ถ้าเราได้ใจซึ่งกันและกันเราสามารถที่จะพัฒนาได้ดี ในการอบรมครั้งนี้ได้เน้นการปรับเปลี่ยนจิตใจถ้าเราให้ใจซึ่งกันและกันเราก็จะสามารถพัฒนาตรงนี้ได้สำหรับองค์กรของเราถ้าจะทำความร่วมมือกันคิดว่าในเรื่องของการพัฒนาเด็กนักเรียนที่มีภาวะถดถอยภาวะความเสี่ยงจะเป็นกลุ่มที่มูลนิธิจะช่วยเราได้มากยิ่งขึ้นค่ะ ขอขอบคุณค่ะ

น.ส.รัชณีย์  อุบลรัตน์

รองผู้อำนวยการโรงเรียนนาดีพิทยาคม

การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ตอนแรกยังไม่ค่อยทราบรายละเอียดกิจกรรมเท่าไหร่ แต่พอมาเข้าร่วมกิจกรรมแล้วรู้สึกประทับใจมากเป็นกิจกรรมที่ดีการบรรยายไม่น่าเบื่อเพราะมีการแสดงของนักเรียนสลับกัน เนื้อหาที่ได้รับก็เป็นเนื้อหาที่สามารถนำไปปรับใช้กับนักเรียนที่โรงเรียนได้ ซึ่งเข้ากับสภาพสังคมปัจจุบันเพราะว่าปัจจุบันนี้วัยรุ่นและเด็กไม่สนใจคนรอบข้าง มาเข้าร่วมงาน กิจกรรมครั้งนี้ก็อยากเอากิจกรรมไปปรับใช้กับนักเรียนที่โรงเรียน ถ้ามีโอกาสก็อยากให้มูลนิธิทำกิจกรรมกับนักเรียนที่โรงเรียนเพราะรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีอยากให้นักเรียนได้สัมผัสด้วยตัวเองและคณะครูได้สัมผัสด้วยตัวเองขอบคุณมูลนิธิมากๆ ที่ให้มาเข้าร่วมกิจกรรม ถ้ามีโอกาสก็จะมาเข้าอีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ