‘IYF-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม’ ร่วมกันจัดงาน Culture Concert จัดเต็มโชว์วัฒนธรรมสุดอลังการ พร้อมคัดเลือกทีมเต้นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันเวทีนานาชาติที่เกาหลีใต้ คนแห่เข้าร่วมงานกว่า 1,400 คน

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 19 พฤษภาคม หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship – IYF) องค์กรที่มิได้มุ่งหวังผลกำไร ก่อตั้งขึ้นที่สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อปี พ.ศ.2547 โดยมีพื้นฐานจากความเป็นคริสเตียนและมีสาขาในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

ในครั้งนี้ IYF ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดงาน Culture Concert ที่มีการแสดงเต้นวัฒนธรรมไทยและนานาชาติ, การแสดงละครเพลง Miracle of Christmas ที่มีเค้าโครงจากนิทานเรื่องเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ สะท้อนถึงความรักและความอบอุ่นในครอบครัวผ่านบทเพลงอันไพเราะ รวมถึงการแสดงจาก Sae No Rae Choir & Orchestra ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของเหล่าอาสาสมัครคนไทยซึ่งเคยเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศ ที่มาในบทเพลง อาทิ God Rest You Merry, Gentlemen (ผู้ประพันธ์: Jubilate Hymns) เป็นหนึ่งในเพลงแครอลที่เก่าแก่ที่สุดในศตวรรษที่ 16 และเพลง Sometimes I hear God’s music ประพันธ์ โดย Joseph M. Martin ที่ได้แรงบรรดาลใจจากพระคัมภีร์ใน 1 ซามูเอล 16:23 และ 1 โครินธ์ 14:15 ทั้งยังมีเพลงดังร่วมสมัยอย่างเพลง ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง ขับร้องโดย อิ้งค์ วรันธร ประกอบละครบุพเพสันนิวาส 2 นอกจากนี้ยังมีการแสดงชุดพิเศษจาก Sesory Music School Choir จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เตรียมบทเพลงอันไพเราะหลายบทเพลง โดยมีผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตกว่า 1,400 คน

ภายในงานยังมีการประกวดรอบตัดสิน เพื่อคัดเลือกตัวแทนทีมเต้นวัฒนธรรมไทย เพื่อแข่งขันในรายการ World Cultural Dance Festival ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยทีมที่ชนะครั้งนี้คือ ทีมทัยไทย ในชุดการแสดงชื่อ แฮปปี้แลนด์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ศาลายา นครปฐม

โอกาสนี้ได้รับเกียรติจากน.ส.ลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม มากล่าวเปิดงาน โดยกล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดงาน Culture Concert ร่วมกับ IYF ซึ่งเป็นงานคอนเสิร์ตที่แสดงวัฒนธรรมนานาชาติ การบรรเลงดนตรีระดับโลก ละครเพลง และการประกวดการเต้นวัฒนธรรมเพื่อคัดเลือกกลุ่มตัวแทนเยาวชนไทยไปร่วมแข่งขันในเวทีนานาชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดเวทีให้เยาวชนได้เรียนรู้และแสดงศักยภาพด้านการแสดงวัฒนธรรม ส่งเสริมพลังของเยาวชนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรม สร้างประสบการณ์ การเปลี่ยนแปลงจิตใจผ่านดนตรี แสดงทัศนคติผ่านการ ใช้ชีวิตของเหล่าอาสาสมัครในต่างแดนที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมนานาชาติเพื่อเปิดโลกทัศน์สู่ระดับสากล สามารถปรับตัวเข้ากับความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมทั้งสร้างจิตสาธารณะและการทำเพื่อผู้อื่นให้แก่เยาวชนไทย

ช่วง Special Message ดร.อิม มิน ชอน ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเรื่องโลกแห่งจิตใจนานาชาติ บรรยายตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้เจริญมาก แต่เมื่อ 70 ปีก่อน เกาหลีใต้เคยเป็นประเทศที่ยากลำบาก สมัยนี้ต่างจากสมัยก่อน ตรงที่ความต้องการของเยาวชนเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้มีความไม่พอใจในชีวิตตัวเอง ผมจึงอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้เรื่องความคิด และจิตใจ ผ่าน 3 ประเทศที่เปลี่ยนไปจากการยื่นมือขอความช่วยเหลือ คือ 1.ประเทศเกาหลีใต้ ขายเมล็ดกาแฟเป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งๆ ที่ไม่มีเมล็ดกาแฟ เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มี แต่คนทั้งโลกชอบ จึงเรียนรู้ที่จะหาเมล็ดกาแฟ และเรียนรู้วิธีคั่วให้ดี 2. ประเทศจอร์แดน เป็นประเทศในแถบอาหรับที่ไม่มีน้ำมัน จึงขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา โดยจะตอบแทนด้วยการให้ที่ดินและไม่เก็บภาษี ทำให้มีนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้จอร์แดนกลายเป็นเหมือนนิวยอร์กแห่งที่ 2 เพราะมีการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก และ 3. ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองที่ผู้นำคิดถึงอนาคตในวันที่ไม่มีน้ำมันดิบ จึงเขียนจดหมายให้ช่วยผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หาแผนรับมือ ต่อมาจึงเริ่มพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวจนกลายเป็นต้นแบบของประเทศแถบอาหรับ ตรงข้ามกับประเทศซีเรีย ประเทศที่มีน้ำมันดิบจำนวนมาก แต่กลับเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในศตวรรษที่ 21 เพราะผู้นำประเทศคิดว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร จึงปิดประเทศไม่ข้องเกี่ยวกับใคร

“หมายความว่า ความคิดของคนคนหนึ่งที่เปลี่ยน จะสามารถเปลี่ยนโลกได้ ใจเราเปลี่ยน โลกก็เปลี่ยนได้ เราชอบบอกให้คนอื่นเปลี่ยน แต่จริงๆ สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือใจเรา สติปัญญาไม่ได้อยู่ห่างจากเรา แต่สติปัญญาคือการขอความช่วยเหลือ ปัจจุบันนี้ คนมากมายไม่ค่อยขอความช่วยเหลือกัน เพราะรู้สึกอาย กลัวโดนดูถูก และห่วงศักดิ์ศรี ถ้าเรารู้จักเปลี่ยนความคิด เราก็เป็นคนหนึ่งที่เปลี่ยนได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ IYF ริเริ่มทำงานเพื่อเยาวชน”

โดยผู้ชมที่เข้าร่วมงานต่างปรบมือชื่นชมในทุกการแสดงแต่ละชุดจนดังกึกก้องห้องประชุม และตอบรับเป็นเสียงเดียวกันถึงความรู้สึกประทับใจในการแสดงที่จัดเตรียมในครั้งนี้

คุณจิตรพี สุ่มมาตย์ รองผู้อำนวยการ ร.ร.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ

ได้รับการเรียนเชิญไปทางโรงเรียนให้มาชมการแสดงในงาน Cultuer Concert ในวันนี้ค่ะ มีความประทับใจเป็นอย่างมากกับการแสดงวัฒนธรรม รำพัดเกาหลีค่ะ มีความพร้อมเพรียงกัน สีสันสวยงาม และหน้าตาของผู้แสดงอิ่มเอิบบอกถึงความสุข และความประทับใจที่สุดคือความพร้อมเพรียงตลอดช่วงการแสดงที่ยาวนาน ซึ่งพยายามดูว่าจะจับผิดตรงไหน ไม่สามารถจับผิดได้เลย สวยงามอ่อนช้อยมาก ชอบมากค่ะ และจะไปบอกต่อ ไปเล่าสู่นักเรียนฟัง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ไปแสดงที่โรงเรียนถ้าเกิดว่ามีโอกาส

สำหรับการบรรยายของ ผอ.อิมมินชอน ก็พีคค่ะ ท่านไม่ได้คิดเฉพาะเกาหลี ถ้าฟังดูดี ๆ เราจะเห็นว่าท่านห่วงประเทศไทย หลายๆ ครั้งท่านน้อนถามถึงประเทศไทย ทำให้เราเองก็ได้คิดเช่นกัน ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะประเทศไทยหรือเกาหลีก็คล้ายๆ กัน แต่ท่านกลับนำแนวความคิดของประเทศเกาหลี บางอย่างที่เราไม่มีเหมือนกันเช่นน้ำมัน อันนี้ประทับใจเป็นอย่างมากว่า ในเมื่อเราไม่มี แต่สามารถใช้สติปัญญามาพัฒนา นำมาเป็นสินค้าส่งออกซึ่งทำให้รายได้ของประเทศดีขึ้น แล้วก็แนวการคิดที่ว่าเราอย่าเป็นคนที่นิ่งอยู่เฉยๆ หรือย่าพึ่งพาแต่โทรศัพท์ เราสามารถพูดคุยหรือร้องขอ หรือว่าพูดขอความเห็นใจจากคนรอบข้าง จุดนี้หลายครั้งเรามองข้ามไป และความสะดวกสบายมากเกินไปในการใช้โทรศัพท์ก็ไม่สามารถช่วยเราไปได้ทุกเรื่อง บางอย่างมันต้องใช้จิตใจและสมอง อันนี้ก็เป็นอีกความประทับใจหนึ่งด้วย และส่วนตัวชอบเป็นอย่างมาที่ผอ.อิมมินชอน บอกว่า ร.ร. ของท่านไม่ให้เอาโทรศัพท์เข้าไปเลย อันนี้เป็นสิ่งที่ฝันและอยากเห็นในโรงเรียนไทย

น่าประทับใจมากจริงๆ ค่ะ ท่านให้หลังความคิดในหลายๆ เรื่อง ทำให้เรารู้สึกว่าเราอย่าปล่อยเวลาผ่านไป เฉยๆ พยายามนึกถึงเป็นตัวของเราและนำมาประยุกต์พัฒนาอย่างไรเป็นเม็ดเงิน ไม่ใช่ว่าเราจะใช้ให้สูญปล่าวไปวันๆ อันนี้คือความประทับใจแล้วจะกลับไปเล่าให้คุณครูและนักเรียนที่โรงเรียนฟัง ขอบคุณช่วงเวลาดีๆ ที่ได้รับในวันนี้

เอกสารตอนแรกที่มาถึงก็ไม่ค่อยได้สนใจ แต่พอตัดสินใจมาก็นั่งฟังตลอด ดูคลิปของน้องๆ เข้า Academy ต่างๆ แล้วก็น้องๆ ก็มาเล่าประสบการณ์บนเวที บางอย่างก็ตรงตัวน้องๆ และก็บางอย่างที่น้องเล่าเราก็เคยสัมผัสมา อันนี้ชมเชยได้เลยว่าสามารถนำไปเผยแพร่ไปพุดคุยให้ผู้อื่นฟังและเขาสามารถช่วยคนที่มีทุกข์ให้หายทุกข์ได้ ขอชื่นชมมูลนิธิที่ก่อตั้งและทำงานอย่างนี้ ถ้าตัวเองมีส่วนช่วยอะไรมูลนิธิได้บ้างก็ยินดีค่ะ

คุณอินทรา โจคานี ธุรกิจส่วนตัวและผู้ก่อตั้งสมาคมผู้ใช้ประสาทหูเทียม (ประเทศไทย)

มางานครั้งนี้เพราะคุณฝุ่นซึ่งเป็นสต๊าฟที่มูลนิธิฯ นี้ช่วนมาค่ะ จริงๆ เขาชวนมาหลายครั้งแล้วแต่พี่ก็ไม่ว่างสักที ครั้งนี้มีโอกาสเลยตัดสินใจมาพร้อมกับลูกด้วยค่ะ เพราะว่าลูกเราเป็นเด็กพิเศษ เกิดมาหูหนวกและได้ผ่าประสาทหูเทียม เราเลยอยากให้เขาได้เห็นโลกที่นอกเหนือจากที่เขารู้จักใจตอนนี้ พามาและรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราได้ตัดสินใจได้ถูกที่สุดเลยวันนี้ ประทับใจมากๆ เลย

ถ้าพูดถึงลูกนะ เขาน่าจะชอบเทควันโด เพราะว่าเห็นเขายกมือขึ้นตามเพลงตลอดเลย เขาดีใจและชอบมาก แต่สำหรับตัวพี่เองเนี่ยพี่ชอบ Choir ทั้งสองทีมเลย เพราะว่าพี่ฟังเพลงอยู่แล้ว ประทับใจในการร้องเพลงมาก เห็นความเป็น professional เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทย อาจจะเป็นเพราะว่าเราเองก็ไม่ค่อยเปิดูเปิดตาเยอะ เพราะก็อยู่แต่กับงานกับลูก วันนี้มีความสุขมาก ๆ เลย เพราะลูกชายของเราเขา โอ้โห เขาเหมือนได้เห็นโลกใหม่สำหรับเขาเลย เขาตื่นเต้นมาก เขาฟังและเขาตั้งใจ เขาชอบมากเลย เขาอยากจะเจอทุกคน

แล้วในส่วนของการบรรยาย ท่านก็บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นไปได้นะ เหมือนเขายกตัวอย่างของหลายๆ ประเทศ ที่ไม่มีอะไรจนค้นหาและหาจุดที่ทำให้เขาสามารถพัฒนาไปได้ ที่จำได้เลยคือเรื่องของเกาหลี ที่บริษัทชั้นนำ ที่เขาไม่มีอะไรจนหาคนที่รู้ รู้แล้วก็สร้างแล้วเขาก็สำเร็จเราก็เปรียบเทียบกับชีวิตของเราได้ตรงนั้น และท่านพูดได้ดีมากๆ ค่ะ

ตอนแรกที่ไม่ได้ชวนใครมาเท่าไหร่เพราะยังไม่แน่ใจว่าคอนเซ็ปต์ของงานเป็นอย่างไร แต่พอได้มาเห็นการแสดงต่างๆ ของเยาวชนในวันนี้แล้ว ก็จะบอกต่อว่าจริงๆ ความสามารถของเยาชนจากหลายหลายประเทศที่เราเห็นวันนี้ เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ น่าเอ็นดูมาก น่าชื่นชมและภูมิใจมากๆ สำหรับพี่นะวันนี้พี่เป็นคนที่มีความสุขมากๆ ในชีวิต ดีมากๆ แค่ลูกเราได้มีความสุขในวันนี้รู้สึกว่าคือที่สุดแล้ว