เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 กันยายน ที่ห้องสุโขทัย อาคารอเนกนิทัศน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จ.นนทบุรี มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship – IYF) ได้จัดงานแถลงข่าวหัวข้อ “ผ่าทางตัน การศึกษาไทยด้วย Mind Education จากเกาหลีใต้” และสัมภาษณ์พิเศษกับดร.อ็อกซู พาร์ค ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ ผู้คิดค้นหลักสูตร Mind Education และผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ที่ได้รับเชิญจากผู้นำประเทศต่างๆ ให้เข้าพบมาแล้วกว่า 37 คน และเดินทางบรรยายเรื่องโลกของจิตใจ (Mind Lecture) มาแล้วมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก

โดยดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวต้อนรับเปิดงานแถลงข่าว ว่า ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เราไม่มีโอกาสจัดแคมป์เช่นนี้ ครั้งนี้จึงรู้สึกขอบคุณกับทุกคนมากที่ได้มาร่วมมาที่นี่ เพราะตนมีความหวังอยากให้เยาวชนไทยมีความสว่างในชีวิต

สำหรับข้อถามถึงมุมมองที่มีต่อการศึกษาไทย ดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกประเทศมีระบบการศึกษาที่ดี แต่ยุคสมัยนี้เปลี่ยนไป ทำให้เยาวชนมีความคิดไตร่ตรองน้อยลง เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เพราะรับรู้สิ่งต่างๆ จากวิดีโอมากกว่า ทำให้ไม่ค่อยคิดไตร่ตรองโดยภาพรวมทั่วโลกจะมีความคิดไตร่ตรองที่ลดลง ฉะนั้นคนส่วนใหญ่จะทำอะไรตามอารมณ์ และมีแค่ความหุนหันพลันแล่น เมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลที่ประเทศบราซิล ได้มีนักเรียนคนหนึ่งถามคุณครูในห้องเรียนว่าอยากดูถ่ายทอดสด แต่ครูบอกว่า เวลาเรียนก็ควรเรียนหนังสือ แล้วค่อยดูย้อนหลัง นักเรียนคนนี้ก็โวยวาย และเดินออกนอกห้อง ผ่านไป 2 ชั่วโมงก็มีกลิ่นแปลก และพบว่าโรงเรียนไฟไหม้โดยมีต้นเหตุมาจากนักเรียนคนนั้น นักเรียนบางคนก็ถ่ายคลิปลงโซเซียล ต่อมาไม่นานพบว่าเกิดไฟไหม้กับโรงเรียน 82 แห่ง เพราะเกิดความคิดสนุกจึงจุดไฟเผาโรงเรียนตาม โดยไม่ได้คิดอะไรลึกๆ ว่าจะเรียนที่ไหน หรือจะได้รับโทษอะไรบ้าง นี่คือการคิดไตร่ตรองน้อยลง เราจึงบอกกับเยาวชนว่า อย่าทำอะไรตามใจ แต่ให้คิดไตร่ตรองให้ดี เราต้องสร้างโอกาสให้คนหนุ่มสาว ได้คิดไตร่ตรองแบบดับเบิ้ล คือคิดเปรียบเทียบกับความคิดแรก ตนเรียนเรื่องราวของจิตใจผ่านทางพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เพื่อนำไปพัฒนาเยาวชน จากนี้ประเทศที่พัฒนาต่อเนื่องได้ ไม่ใช่ประเทศที่มี GNP สูง แต่เป็นประเทศที่คนมีการคิดไตร่ตรองมากขึ้น

ดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวต่อว่า เกาหลีใต้ผลิตรถยนต์ช้ากว่าเพื่อน จนต้องใช้เงินจำนวนมากในการนำเข้ารถยนต์ ต่อมาคนเกาหลีจึงเริ่มคิดที่จะผลิตรถยนต์เอง และเกิดยุค My Car ที่ประชาชนมีรถเป็นของตัวเอง แต่พอจะทำก็คิดว่าไม่สามารถผลิตรถยนต์เองได้ แต่ก็คิดต่ออีกรอบเพื่อหาวิธีการผลิตเครื่องยนต์ โดยไปที่ญี่ปุ่นเพื่อไปซื้อเครื่องยนต์มาดู และขอให้สอนวิธีการสร้างเครื่องยนต์ แต่ทางญี่ปุ่นบอกว่าเกาหลีใต้ยังอีกไกลกว่าจะผลิตเครื่องยนต์ให้รถยนต์วิ่งได้ แต่ทางเกาหลีใต้ก็ไม่ยอมแพ้ และเริ่มผลิตเครื่องยนต์เอง ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่ซื้อเครื่องยนต์จากเกาหลีใต้ไปใช้

ไม่เพียงเท่านั้น เกาหลีใต้ได้เริ่มคิดวิธีการสร้างรถยนต์ที่ไม่เสีย และเริ่มต้นวิจัยหาวิธี โดยไปที่ร้านค้าอะไหล่ โดยถามว่าอะไหล่ชนิดใดขายดีที่สุด ซึ่งหมายความว่าชิ้นส่วนนั้นเสียบ่อยที่สุด และวิจัยว่าทำไมจึงเสียบ่อย ก่อนจะผลิตรถยนต์ออกมาใหม่ จากนั้นเกิดปรากฏการณ์อู่ซ่อมรถในกรุงโซล ปิดตัวเกือบหมด เพราะรถแทบไม่เสีย เมื่อไปขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ก็โฆษณาว่าถ้าซื้อรถยนต์ฮุนได ตั้งแต่วันซื้อรถจนผ่านไป 10 ปี หรือขับระยะแสนไมล์ ส่วนไหนเสียจะซ่อมให้ฟรี คนก็คิดว่าฮุนไดเจ๊งแน่นอน แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการคิดทั้งหมด และเป็นวิธีพัฒนาประเทศเกาหลีใต้

ดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวว่า ชีวิตเราก็เช่นกัน ถ้าไปโบสถ์ก็จะพูดเรื่องมนุษย์เป็นคนบาป แต่หากคิดอีกนิดก็จะรู้ว่า พระเยซูตายบนกางเขน เพื่อล้างบาป หมายความว่าคนเราไม่มีบาป พระเยซูได้ตายแทนบาปของคนเรา ดังนั้นบาปจึงถูกลบล้างหมดแล้ว ถ้าเราคิดนิดหนึ่งก็จะรู้หลักการ แต่คนจะคิดว่าเราทำบาปต้องมีบาป แต่เมื่อแพระเยซูล้างบาปทั้งหมดให้แล้ว เราก็ไม่มีบาป เหมือนโรม 3:23-24 ที่บอกว่าพระเยซูไถ่บาปให้แล้ว เราจึงเป็นคนบริสุทธิ์ และกลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว

เมื่อถามว่า จุดมุ่งหมายของหลักสูตรเน้นการเปลี่ยนแปลงจากภายใน แต่มีความคิดเห็นอย่างไรต่อปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบที่ส่งผลต่อเยาวชนให้ติดยาเสพติด เช่นการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำ ดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวว่า สมมติตนเสพยา ก็จะเรียนไม่ได้ พอแต่งงานก็มีปัญหา และชีวิตเละเทะ หากคนที่คิดเป็น ว่าหากเสพ ก็จะติดยา จนทำงานไม่ไหว ไปขอทาน ถ้าคิดได้ก็จะไม่เสพยา และเอาชนะใจที่เสพยาได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากคนคิดว่าเสพนิดหนึ่งไม่เป็นไร มีคนมากมายที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงผ่าน IYF และได้รับความสนุกจากกิจกรรมในแคมป์จนไม่ได้เสพยา บางคนอาจจะเลิกได้จากจุดนั้น

เมื่อถามว่า การนำหลักสูตรเข้าไปทำกับรัฐบาลแต่ละประเทศ นอกจากปัญหาในเชิงบุคคล มีปัญหาอะไรบ้าง ดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวว่า ที่จริงมีเยอะมาก ไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่มีทั้งการติดสุรา จนทำให้ชีวิตเละ รวมถึงการพนันต่างๆ เราจึงเน้นเรื่องของสติ และจิตใจ ทำให้คนเริ่มชอบ IYF มากขึ้น ตนมีโอกาสพบประธานธิบดีกว่า 37 ประเทศ เพราะผู้นำเหล่านี้ สงสัยว่าเยาวชนของ IYF เกิดการเปลี่ยนแปลง และสามารถรับฟังคนอื่นได้ ทำให้ตนมีความสุขที่พวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่า เด็กควรเลิกดูคลิปไปเลยใช่หรือไม่ ดร.อ็อกซู พาร์ค กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าไม่ให้ดู และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้ดู เพราะช่วงโควิด-19 เราจัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ ทั้งแคมป์ และงานอบรมต่างๆ มีคนเข้าร่วมชมชั่วโมงละกว่า 2 ล้านคน ถ้าจัดแบบออนไซต์ก็รวมคนไม่ได้เยอะมากเท่านี้ นอกจากนี้ ยังมีการนำการบรรยายของตนไปเผยแพร่ผ่านช่องโทรทัศน์ทั่วโลกกว่า 656 ช่อง ทำให้คนที่สิ้นหวังจากโควิด-19 ได้รับความสุขอีกครั้ง ตนมีความสุขที่คนมากมายได้รับการเปลี่ยนแปลง และหากจัดงานแบบนี้เรื่อยๆ จะทำให้พวกเขาได้คิดไตร่ตรองมากขึ้น