เมื่อวันที่ 21-22 กันยายน ที่ผ่านมา ณ หอประชุมใหญ่คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เหล่าอาสาสมัครชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้รวมตัวกันจัดค่ายที่มีความสุขที่สุดในโลก ภายใต้ชื่อ ‘2019 IYF World Camp in Chiangmai’

งานครั้งนี้มีจำนวนนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 600 คน จากหลายสถาบัน อาทิ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เทคโนโลยีล้านนา และโรงเรียนมงฟอร์ต ฯลฯ แม้ทีมงานหลายคนต้องเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ ก็มีกำลังเหลือเฟือ ไม่เหน็ดเหนื่อย และตั้งใจเตรียมงานเพื่อให้ออกมาดีที่สุด โดยมีความหวังว่าจะมีน้องๆ จากภาคเหนือ ได้เป็นอาสาสมัครต่างประเทศรุ่นที่ 14

โดยงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเปิดงาน “ขอขอบคุณแทนเยาวชนไทยที่ได้รับการสนับสนุนและได้รับประโยชน์จากกิจกรรมของ IYF เนื่องด้วยประเทศเกาหลีใต้ และประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน เป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย กิจกรรมครั้งนี้จะทำให้คนทั้งสองประเทศสนิทสนมกันผ่านทางภาษา วัฒนธรรม ท่องเที่ยว K-pop ภาพยนตร์ของเกาหลีใต้ การที่เยาวชนรวมตัวกันจัดงานนี้จะเป็นกลไกในการช่วยพัฒนาเยาวชนและประเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ขอให้น้องๆ เป็นเยาวชนต้นแบบที่ดี ที่จะนำพาประเทศชาติของเราสู่ประชาคมโลกได้อย่างสง่าและภาคภูมิ อยากให้น้องๆ สร้างมิตรภาพให้มากๆ และขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดี”

คุณมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
คุณมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และคุณคิม ฮยอนซู ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ จ.เชียงใหม่

ส่วนสำคัญที่สุดของงานเช่นการบรรยาย Mind Education ทาง IYF ได้เรียนเชิญอาจารย์ชิม ซองซู ผู้บรรยายหลักจากสถาบันการศึกษาโลกของจิตใจ ประจำประเทศเกาหลีใต้ มาบรรยายเกี่ยวกับวิธีการรักษาและสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ที่ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมองเพื่อค้นพบตัวเองก่อน ฝึกทำสิ่งที่ท้าทาย รู้คุณค่าของสิ่งต่างๆ และเมื่อจิตใจแข็งแรง ร่างกายก็จะแข็งแรงด้วย

คุณชิม ซองซู ผู้บรรยายหลักจากสถาบันการศึกษาโลกของจิตใจ ประจำประเทศเกาหลีใต้

มะนาว คณะสัตวศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้  ปี 1
“ฟังบรรยายแล้วคิดถึงแม่ค่ะ อาจารย์เปิดวีดีโอพี่คนนึงที่แม่ตาบอด รู้สึกว่าเรื่องของเขาตรงกับเรา คือแม่หนูเขาเป็นคนหัวโบราณนิดนึงค่ะ เพราะสมัยแม่สอนมาแบบนั้น แต่สมัยหนูมันไม่ใช่ เราก็เลยจะเถียงกันบ่อย ทะเลาะกับแม่ตลอด แต่พอฟังบรรยายแล้วเรารู้สึกเข้าใจแม่มากขึ้น จริงๆ ที่เขาสอนเราก็เพราะเขารักเรา เขาเป็นห่วงเราไม่อยากให้เราออกนอกลู่นอกทาง หนูเลยทำตามที่พี่คนนั้นทำ คือ โทรไปหาแม่แล้วก็บอกรักแม่ หนูได้กลับมาคิดว่าจริงๆ แม่เขาทำงานเพื่อเรา แต่เรากลับมองว่าแม่มีปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้ไม่เข้าใจเรา ทั้งที่ทุกๆ วันเขาทำงานเพื่อเราก็รู้สึกขอโทษค่ะ”

มะนาว คณะสัตวศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้  ปี 1

งานครั้งนี้นอกจากน้องๆ จะได้สนุกกับการแสดงมายมาย ทั้งการแสดงเต้น, ร้องเพลงจากอาสาสมัครต่างชาติ, ละครเวทีของรุ่นพี่อาสาสมัคร, บูทวัฒนธรรม และ Mind Recreation (กิจกรรมเกม) แล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมที่เรียกว่า Mindset Academy จัดขึ้นมาพิเศษเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้เรื่องโลกของจิตใจโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลีใต้ ในหัวข้อ “ความสุขที่แท้จริง” ซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาขนาดที่ว่าที่นั่งไม่พอทำให้บางคนต้องย้ายไปเรียนใน Academy อื่นแทน ซึ่งในขณะฟังนั้นก็จดตามไปด้วย เป็นสัญญาณที่ดีว่าเด็กไทยเรานั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของจิตใจ และสามารถกลายเป็นผู้นำที่มีจิตใจเข้มแข็งได้

Mindset Academy

ฟร้อง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2              
“ผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้มุมมองของคนอื่นครับ อาจารย์พูดถึงคนๆ หนึ่งที่มองว่า โรค ความยากจน และการขาดการศึกษา คือ พร แต่ถ้าเป็นคนอื่นจะมองว่าไม่ใช่พร ที่เขาคิดแบบนี้เพราะโรคภัยทำให้เขาได้ออกกำลังกายทุกวัน ความยากจนทำให้เขาต้องตั้งใจทำงานหาเงิน จึงไม่กลัวกับความลำบาก การไม่มีการศึกษาทำให้เมื่อเขาไปพบใคร คนๆ นั้นก็สามารถเป็นครูและรับความรู้จากคนอื่นได้เรื่อยๆ ฟังแล้วผมมองว่า ถ้าเรามองว่ามันเป็นพรก็ได้นี่ อาจจะไม่ใช่พรที่ได้แล้วสำเร็จเลย แต่มันทำให้เราได้แข็งแกร่งขึ้นครับ ที่เรามองบางครั้งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่ก็ได้ครับ”

ฟร้อง คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2

ข้าวกล้อง (คนขวา) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี1
“ผมชอบกิจกรรม บูธวัฒนธรรมมากที่สุดครับ เพราะว่าเป็นกิจกรรมที่ให้เราได้เลือกเข้าร่วมได้ด้วยตัวเอง ได้กินของอร่อยๆด้วย ไม่ต้องถูกจำกัดเวลาว่ากี่นาทีจะอยู่เท่าไหร่ก็ได้ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายๆอย่าง แล้วผมก็สนใจโครงการอาสาสมัครด้วยครับ อยากไปปีนี้เลย แต่ยังไม่รู้ว่าประเทศไหนดี สนใจประเทศหมู่เกาะ ผมอยากไปหาประสบการณ์ แล้วก็ชอบช่วง Mind Education นะครับฟังแล้วก็ได้ประโยชน์ครับ”

ข้าวกล้อง (คนขวา) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี1

ในช่วงสุดท้ายของงานมีการประกวดพูดสุนทรพจน์เรื่องจิตใจ หรือ Mind Speech Contest ที่ให้โอกาสนักศึกษาพูดถึงสิ่งที่ได้รับจากการฟังบรรยายตลอดการเข้าค่าย ซึ่งมี 8 คนที่ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้าย โดยทุกคนต่างพูดเรื่องราวของตัวเองที่มีทั้งความยากลำบากในชีวิต ความผิดหวังกับครอบครัวหรือกับตัวเอง และเมื่อฟังบรรยายแล้วได้รับความสุขอย่างไร ซึ่งผู้ที่ได้รางวัลอันดับหนึ่งคือ น้องภูมิ นักศึกษาคณะแพทย์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่พูดเรื่อง “ติด F ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า” สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ฟังอยู่ด้านล่างและได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม

ภูมิ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2 (ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดพูดสุนทรพจน์)
“รู้สึกตกใจมากที่ตัวเองได้รางวัล คิดว่าเพื่อนอีกคนน่าจะได้มากกว่า เพราะว่าเรื่องของเขา น่าสนใจกว่าของผม และเขาก็เจอความยากลำบากมากกว่าผม ก็ลุ้นให้เขาได้รางวัลด้วยแต่พอตัวเองได้รางวัลก็ตกใจครับ

เรื่องของผมคือ ผมติด F ครับ ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมคงเรียนไม่ไหวแล้ว ผมก็เลยคิดว่าจะลาออกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองทำให้พ่อแม่เสียใจ แต่พอโทรศัพท์หรือเข้าไปคุยกับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคนต่างให้กำลังใจและคอยสนับสนุนผมแต่ตอนนั้นผมมองว่าคำพูดพวกเขา ไม่มีค่า ผมจึงเสียใจอยู่ แล้ววันหนึ่งก็มีพี่จากค่ายโทรมาบอกว่าผมสมัครค่ายไว้ให้มาเข้าร่วม พอเข้ามาแล้วได้ฟัง Mind Education ก็ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วคำพูดของคนรอบข้างมีค่ามากแต่ผมมองข้ามไป ผมมีคนมากมายที่รักผมเป็นห่วงผม แต่ผมกลับมองไม่เห็น ผมจึงคิดว่าผมจะไม่ลาออกแล้วครับแต่ผมจะสู้ การติด F นี้ ก็มีส่วนที่ดีตรงที่ทำให้ผมได้เห็นความห่วงใยของคนรอบข้างครับ”    

ภูมิ คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2

ผ่านทางงาน 2019 IYF World Camp in Chiangmai ครั้งนี้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วม World Camp 2020 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ถึง 195 คน และยังมีน้องสมัครเป็นอาสาทีมเต้นอีก 17 คน ซึ่งถือเป็นผลตอบรับที่น่ายินดีอย่างยิ่ง นอกจากความสนุกสนานแล้ว น้องๆ ยังได้รับข้อคิดดีๆ จากช่วงบรรยายเรื่องราวของจิตใจมากมาย ทั้งยังได้มิตรภาพใหม่ๆ และหลายคนบอกว่าอยากให้เพิ่มเวลาในแต่ละกิจกรรมมากขึ้น เพื่อจะมีเวลาทำความรู้จักกับโครงการอาสาสมัครมากกว่านี้ แม้ว่าการเตรียมงานจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นผู้เข้าร่วมมีความสุขและให้ความสนใจโครงการของ IYF ความเหน็ดเหนื่อยของเราก็หายไป และเกิดเป็นความยินดีและคำขอบคุณมากมายจากแคมป์ครั้งนี้