อาสาสมัครไทยจำนวน 300 คน ที่เคยประจำอยู่ในกว่า 44 ประเทศทั่วโลกกับโครงการ IYF Good News Corps ร่วมใจกันกลับมาจัดงาน 2018 World Culture Festival ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง วันที่ 29 ธันวาคม 2561โดยแต่ละรอบการแสดงนั้นรองรับผู้เข้าชมทั้งหมด 1,000 ท่าน จำนวน 2 รอบที่สำคัญคืองานนี้ชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะจัดขึ้นมาเพื่อเน้นความสุขและการแสดงความขอบคุณ

นายกรณิศ บัวจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) 

ภายในงานมีการ “เต้นวัฒนธรรม” จาก 5 ทวีปแสดงโดยเหล่าอาสาสมัครเยาวชนคนไทยและต่างชาติซึ่งไม่ได้มีใครเป็นมืออาชีพมาก่อนแต่ด้วยจิตใจที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับตอนอยู่ต่างประเทศทำให้พวกเขาฝึกซ้อมและแสดงออกมาด้วยรอยยิ้มที่สามารถสื่อถึงความสุขที่ได้รับมาเป็นอย่างดี ช่วงพิธีเปิดเริ่มด้วยการแสดงสุดอ่อนช้อยและแสดงถึงประวัติศาสตร์อันแสนยาวนานของแดนกิมจิหรือที่เรียกว่า “รำพัดพูเชชุม” (Fan Dance) จากประเทศเกาหลีใต้  “คินชานา” (Kinchana) การจำลองบรรยากาศงานแต่งงานแบบหนุ่มสาวแดนภารตะ  “ลาโอลา” (Laola) จากอเมริกาใต้มาจากภาษาสเปนแปลว่า “คลื่น” เน้นความพริ้วไหว และจังหวะเพลงที่คึกคักสะดุดหูตามสไตล์ละตินอเมริกา “ทามาช่า” (Tamasha) ตัวแทนจากทวีปแอฟริกาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง และจิตวิญญาณ  และการแสดงสุดท้ายคือ “ปาเตปาเต้” (PatePate) ความน่ารักจากทวีปโอเชียเนีย ความสนุกสนานแบบชาวเกาะ ดนตรีและท่าเต้นได้บรรยากาศราวกับอยู่กลางทะเลจริงๆ

นอกจากการเต้นวัฒนธรรมจะเรียกเสียงปรบมือจากผู้เข้าชมแล้ว การแสดง True Story ละครชีวิตจริงของอาสาสมัครก็ตรึงใจผู้ชมไม่แพ้กัน  “มะปราง” อาสาสมัคร รุ่นที่ 3 จากรั้วจุฬาลงกรณ์ ที่ตัดสินใจพักการเรียนช่วงปี 2 ไปใช้ชีวิตเพื่อผู้อื่นที่ประเทศอินเดีย เรื่องราวซึ้งๆ เรียกน้ำตาเมื่อสาวน้อยได้ค้นพบจิตใจของคุณพ่อระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศจึงตัดสินใจโทรมาขอบคุณและขอโทษกับคุณพ่อเป็นครั้งแรก “เมื่อก่อนหนูอายที่พ่อทำงานเป็นยาม แต่ว่าพอมาที่ประเทศอินเดียคนที่นี่ดูแลหนูดีมาก แต่พ่อที่ดูแลหนูมาทั้งชีวิตหนูกลับไม่เคยขอบคุณพ่อเลย” ปัจจุบันแม้ว่าเธอจะทำงานแล้วแต่เรื่องราวตอนที่เป็นอาสาสมัครยังคงตรึงอยู่ในใจของเธออย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ดร. คิม ฮัก ชอล ที่ปรึกษาอาวุโสประจำมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทยได้ขึ้นมาทักทายผู้ชมและได้กล่าวแสดงถึงเจตนารมณ์ของการจัดตั้งโครงการ IYF Good News Corps ขึ้นมาด้วย เพื่อที่จะปลูกต้นไม้แห่งความหวังในใจของคนไทยทุกคนถึงความสำคัญของการทำงานด้านจิตใจ และGood News Corps ได้กลายเป็นความหวังของพ่อแม่ที่จะให้ลูกของตนได้รับการเปลี่ยนแปลง

ผมคนเดียวคงเปลี่ยนแปลงเยาวชนไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมต้องการความร่วมมือจากทุกท่านด้วยครับ

ดร.คิมฮักชอล

เราชอบช่วงที่มีพี่มาเล่าประสบการณ์เรื่องเล่าจากดวงดาว ผมก็รู้สึกว่าผมเข้าใจเขานะ ว่าการเป็นอาสาเนี่ยมันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆตอนแรกเราก็นึกว่าเราไปมอบความสุขให้เขาแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ครับกลายเป็นฝั่งตรงข้ามให้เรามากกว่าการที่เราไปให้เขาซะอีก แล้วพวกผมก็สนใจโครงการอาสาสมัครต่างประเทศนี้ด้วยครับ

นักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบางมด ปี1 (กัน ปลื้ม ฟิล์ม น้องพี กันตรง)

ตอนแรกคิดว่าคงเป็นงานทั่วไปที่ให้มาเดินดูบูทต่างๆ ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก แต่พอมาที่งานแล้วดูกิจกรรมทั้งหมดแล้วก็รู้สึกว่าดีมากเลย ที่ประทับใจทุกอย่างที่เป็นทั้งหมดของ iyf ค่ะ  โดยส่วนตัวก็มีหลายอย่างค่ะที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วก็อยากจะท้าทายตัวเอง หนูอยากไปลองไปเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศค่ะ

เกล นักเรียน โรงเรียนบดินทร์เดชา

ภายในงานยังมีการออกบูธวัฒนธรรมจากประเทศต่างๆจำนวน 18 บูธ ซึ่งแต่ละบูธต่างนำเสนอจุดเด่นของประเทศตัวเองออกมาอวดกันแบบไม่มีใครยอมใคร อาทิ บูธจากอเมริกายกเต้นท์อินเดียแดงชนเผ่าดั้งเดิมของอเมริกามาไว้กลางงาน ประเทศจีนก็ไม่น้อยหน้ากันกับโซนถ่ายรูปด้วยการจำลองบ้านเมืองสมัยโบราณกลางหิมะ สดชื่นถึงใจกับ ”kompot” (คอมพอต) เครื่องดื่มผลไม้พื้นเมืองโบราณสไตล์ยุโรปที่ทำจากผลไม้เมืองหนาวจากบูธประเทศยูเครน เป็นต้น

และปิดท้ายด้วยการฟังประสบการณ์ตรง “เรื่องเล่าจากดวงดาว” ของอาสมัครประเทศเปรู “น้องแต๋ม” จากรั้ว ม.ขอนแก่น ได้เล่าชีวิตก่อนรู้จักกับโครงการอาสาสมัคร Good News Corp และการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับจากการไปใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น  หลังจากฟังจบผู้ชมที่มากับครอบครัวถึงกับโผเข้ากอดกันด้วยความรัก ความเข้าใจเลยก็มี เมื่อจบการแสดงบนเวทีเหล่าอาสาสมัครทั้งหมดได้ขึ้นมาแสดงความขอบคุณและสวัสดีปีใหม่ด้วยการร้องเพลง “ดวงดาว” ซึ่งแต่งโดยผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ สร้างความประทับใจ ให้กับผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก  พร้อมเดินทางกลับกันอย่างมีความสุขกับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ได้รับส่งท้ายปี2018